09.00 น |
คณะควรพร้อมรวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ |
|
อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์ F สายการบินบางกอกแอร์เวย์ |
|
ไม่มีเจ้าหน้าที่รอต้อนรับอำนวยความสะดวก |
|
ให้ทำการ เช็คอิน โหลดกระเป๋า เพื่อบินสู่เมืองเสียมเรียบ |
11.30 น. |
PG-905 เครื่องบิน ๆ ออกจากสุวรรณภูมิ บนเครื่องมีอาหารและน้ำดื่มบริการให้ |
12.45 น. |
ถึงสนามบินที่เสียมเรียบ ควรใส่หมวกสีส้มที่เราแจกไปให้ |
|
ออกจากทางประตูของสนามบิน เพื่อง่ายต่อการสังเกต |
|
ไกด์เขมร พูดไทย รอรับ พร้อมชูป้ายต้อนรับ สมปองทัวร์ |
|
นำท่านเดินทางสู่เมืองเสียมเรียบ โดยรถปรับอากาศ |
|
นำท่านชมปราสาทตาพรหม สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 |
|
เมื่อปี พ.ศ.1729 ในศาสนาพุทธ นิกาย มหายาน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 |
|
โปรดให้ สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระราชมารดา |
|
เป็นวัดในพุทธศาสนาขนาดใหญ่มากกว่าสนาม หลวงของไทย |
|
รวบรวมหมู่ปราสาทไว้ถึง 24 หลัง สร้างตามแบบวัดขอมในยุคสุดท้าย |
|
มีรูปแบบโดยรวมไม่ทำเป็นขั้นลด หลั่นกัน |
|
ช่วงที่ปราสาทต่างๆ ในเมืองเสียม เรียบถูกปล่อยทิ้งไว้หลายร้อยปี |
|
ทำให้เกิด ไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมปราสาทตาพรหม ประหนึ่งว่าจะกลืนกินปราสาทตาพรหม |
|
นำท่านเดินทางสู่ นครธม นครธมนั้นมีความหมายว่าเมืองใหญ่ (ธม = ใหญ่) |
|
นครแห่งรัชสมัยมหาราชของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เมืองพระนครหลวง |
|
มีพระราชวังและปราสาทต่างๆ มากมาย |
|
เป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมมั่นคั่งและรุ่งโรจน์เป็นที่สุด |
|
ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขมรไว้ |
|
ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางมาเยี่ยมชมเมืองพระนครหลวง |
|
และนับตั้งแต่ก้าวแรกที่จะต้องเดินทางผ่านช่องประตูทางเข้าด้านทิศใต้ |
|
เป็นต้องตื่นตะลึงกับความโอฬารของหินทราย |
|
ที่สลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร |
|
ซึ่งสลักไว้ทั้งสี่ทิศด้วยสายตาที่ทอดมองลงมายังที่ต่ำ และรอยยิ้มที่เป็นสุข |
|
หรือยิ้มแบบบายนที่เปี่ยมด้วย ความเมตตา กรุณา ทำให้ผู้พบเห็นมิอาจละสายตาได้ง่ายๆ |
|
ส่วนด้านข้างของกรอบประตูก็จะพบกับประติมากรรมลอยตัวพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 3 เศียร |
|
คอยต้อนรับอาคันตุกะจากแดนไกลอีกเช่นกัน สองข้างทางของสะพานที่ทอดข้ามคูเมือง |
|
ด้านซ้ายเป็นศิลาทรายสลักลอยตัวของเหล่าเทวดาฉุดตัวนาค |
|
ส่วนด้านขวาเป็นบรรดายักษ์กำลังฉุดดึงลำตัว พญานาคอยู่เช่นกัน |
|
ทั้งภาพสลักเทวดา นาค และยักษ์ นิยมนำมาใช้กันมากในศิลปะยุคบายนนี้ |
|
เมืองพระนครหลวงนับได้ว่าเป็นราชธานีแห่งใหม่ที่ย้ายมาจากนครยโศธรปุระ |
|
ที่มีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 อันเป็นพระราชดำริของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 |
|
ที่ประสงค์จะขยายอาณาจักรขอมให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เมืองพระนครหลวงมีคูเมืองล้อมรอบ |
|
กว้างประมาณ 80 เมตร แต่ละด้านมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร และมีกำแพงล้อมทั้ง 4 ด้านด้วยเช่นกัน |
|
มีพื้นที่มากถึง 9 ตารางกิโลเมตร หรือ 5,625 ไร่ กำแพงแต่ละด้านก่อด้วยศิลาแลงสูง 7 เมตร |
|
ประตูทางเข้าทิศใต้ของเมืองพระนครหลวง |
|
จัดได้ว่ายังมีความสมบูรณ์ของรูปประติมากรรมลอยตัวของเทวดา |
|
และยักษ์ยื้อยุดฉุดนาคเพื่อกวนเกษียรสมุทร อันเป็นตอนเริ่มต้นจากนิยายปรัมปรา |
|
ที่พวกพราหมณ์เล่าถึงตอนกำเนิดโลกมนุษย์และจักรวาล |
|
นำท่านชมปราสาทบายน ศูนย์กลางของอังกอร์ธมหรือนครธม |
|
ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะสลักเป็นรูปเทวพักตร์ 4 หน้า |
|
ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 |
|
นับว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาท |
|
ที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง |
|
เป็นปราสาทที่มีความแปลกและดูลี้ลับ ผนังด้านล่างของตัวปราสาทจะปรากฏภาพสลักฝาผนัง |
|
ซึ่งเป็นภาพแสดงชีวิตประจำวันของชาวเขมร และภาพการสงครามระหว่างขอม (เขมรโบราณ) |
|
กับพวกจาม (เวียดนามโบราณ) ซึ่งเปรียบเสมือนการบันทึก |
18.00 น. |
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1) |
|
เป็นบุพเฟ่ต์ เลือกตามใจชอบ มีให้สารพัด พร้อมชมการแสดง นางอัสรา |
|
หลังอาหาร นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก ระดับ 4 ดาว อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย |
โรงแรม |
City Angkor Hotel/ Starry Angkor Hotel หรือ โรงแรมอื่น ๆ ระดับ 4 ดาว เทียบเท่า |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก |
|
นำท่านเดินทางสู่ยอดเขา พนมกุเลน ระยะทาง 63 กม. |
|
จากตัวเมืองเสียมเรียบใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง |
|
นมัสการพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวเขมร |
|
มีโบสถ์ลอยฟ้าที่ตั้งอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่ ที่วัดเขา พนมกุเลน |
|
เป็นพระที่แกะ สลักจากหินธรรมชาติก้อนใหญ่บนยอดเขา พนมกุเลน |
|
นำท่านไปที่ต้นน้ำเสียมเรียบ ซึ่งมีความยาวหลายร้อยเมตร |
|
ท่านจะตื่นตาตื่นใจกับแท่นศิวลึงค์นับพัน |
|
จากนั้นนำชมรูปพระวิษณุเทพแกะสลัก, นารายณ์บรรทมสินธุ อยู่ใต้น้ำ |
|
ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชวนพิศวงและชวนให้ไขข้อข้องใจ |
|
ในความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำเสียมเรียบด้วยตัวท่าน |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน แบบปิกนิก บริเวณลานเหนือน้ำตกบนยอดเขาเชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย |
บ่าย |
เดินทางกลับมาที่เสียมเรียบ |
|
นำท่านชมปราสาทบันทายสรี สร้างในรัชสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 |
|
ในปี พ.ศ.1510 ในศาสนาฮินดู ไศวนิกาย ปราสาทบันทายสรี หรือที่เรียกว่า "บันเตย์เสรย" |
|
แปลว่า "ป้อมแห่งสตรี" ถ้าแปลตามภาษาสันสกฤตซึ่ง "ศรี" |
|
แปลว่า ความดีงามแล้วก็อาจจะแปลได้ว่า "ป้อมที่สวยงาม"
|
|
ศิลปะการจำหลักลายบนหินทรายที่ปราสาทบันทายสรีนี้งดงามมาก |
|
เนื่องจากสร้างด้วยหินทรายสีชมพูดูสดใสไม่มีปราสาทใดเหมือน |
|
แกะสลักภาพนูนต่ำซึ่งมีความปราณีตอ่อนช้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายพรรณพฤกษา |
|
และลวดลายต่างๆ ล้วนมีความคมบางประดุจกลีบดอกกลีบใบที่สลักอยู่บนหินนั้นลอยเด่นออกมา |
|
ส่วนรูปจำหลักที่เป็นภาพเทวดาและสัตว์ต่างๆ ก็มีความประณีตพิเศษ ช่างผู้สลักต้องมีความชำนาญมาก |
|
ที่จะแกะสลักรูปเทวดาและสัตว์ต่างๆ นั้นให้นูนเด่นเกือบจะเหมือนลอยตัว ปราสาทแห่งนี้แม้จะเล็ก |
|
แต่น่าประทับใจที่ได้เห็นเพราะเป็นปราสาทที่สวยประดุจ “เพชรล้ำค่า” |
|
ชาวฝรั่งเศสให้ฉายาปราสาทห่งความรักแห่งนี้ว่าเป็น “รัตนชาติแห่งศิลปะขอม” |
เย็น |
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำทุกท่านกลับเข้าที่พัก โรงแรมเดิม |
|
จากนั้นเชิญท่านพักตามอัธยาศัย |
ที่พัก |
City Angkor Hotel/ Starry Angkor Hotel |
|
|
07.00 น. |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 2) |
08.00 น. |
นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทนครวัค สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก |
|
สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1650-1720 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยสร้างถวายเป็นพุทธบูชา |
|
เราจะใช้เวลาตลอดทั้งช่วงเช้านี้ชื่นชมกับ ความมหัศจรรย์ พลังแห่งการสร้างสรรค์ ของคนโบราณ |
|
จะเดินผ่านสะพานาคราช ขนาดใหญ่ สะพานนาคราช สะพานข้ามเพื่อเข้าสู่นครธม |
|
สร้างขึ้นตามความเชื่อทางศาสนา ด้านหนึ่งเป็นศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค |
|
ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปอสูรซึ่งมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เท่าคนจริงรวมกันถึง 108 ตน |
|
นำชม ประตูเมือง ที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ |
|
ที่วิจิตรพิสดารกว่าในประตูเมืองต่างๆ ที่ท่านเคยพบมา |
|
ข้ามคูน้ำที่กว้างเกือบเท่าแม่น้ำเจ้าพระยารอบๆ ปราสาท |
|
ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ อาทิ ภาพมหากาพย์ เรื่องมหาภารตะและรามเกียรติ์, |
|
ภาพการกวนเกษียร สมุทร, ภาพ การยกกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 |
|
โดยในภาพจะมีภาพ กองทัพของเสียมกุก ซึ่งเป็น บรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยปรากฏอยู่ด้วย |
|
ผ่านซุ้ม โคปุระ (ซุ้มประตู) ชั้นนอกสุดเข้าสู่ลานขนาดใหญ่ซึ่งเป็น ที่ตั้งของบรรณาลัยศิลา |
|
ชมรูปสลัก นางอัปสร หรือ นางอัปสรา นับพันนับหมื่นองค์ |
|
จากนั้นดื่มด่ำกับความ งดงามของยอดปราสาททรงดอกบัวตูม 5 ยอด |
|
ปราสาทบาปวน : ปราสาทที่ตั้งอยู่ในพระราชวังหลวง |
|
สร้างในรัชสมัยพระเจ้าอุทัยทิตย์วรมันที่ 2 (พ.ศ.1593-1609) |
|
ในปีพ.ศ.1603 ในศาสนาฮินดู นับว่าเป็นปราสาทที่สูงมาก |
|
มีทางเดินเป็นสะพานหินทอดจากประตูไปยังตัวมหาปราสาท |
|
ซึ่งมีบันทึกว่าเป็นปราสาทที่ฉาบด้วยทองคำ (ปิดทอง) |
|
นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากที่ได้สร้างขึ้นในสมัยนั้น |
|
ปราสาทบาปวนเป็นปราสาทแรกในกลุ่มปราสาทเมืองพระนคร |
|
จากนั้นชม ลานช้าง สร้างในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวต้นพุทธศควรรษที่ 18 |
|
ผนังฐานพลับพลา สร้างด้วยหินสลักรูปการจับช้างและพญาครุฑ ยาวประมาณ 350 เมตร |
|
พื้นพลับพลาเป็นหิน ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูพระราชวังหลวง มีมุขยื่นออกมา |
|
คือมุขช้างเอราวัณและมุขรูปพญาครุฑ |
|
พื้นที่เริ่มตั้งแต่ปราสาทบาปวนไปจนถึงลานพระเจ้าขี้เรื้อน |
|
เป็นสถานที่สำหรับกษัตริย์นั่งทอดพระเนตรการสวนสนาม การซ้อมรบ |
|
และการเฉลิมฉลองต่างๆ ลานช้างอยู่ใกล้ปราสาทบาปวน |
12.30 น. |
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่3) |
บ่าย |
จะปล่อยให้ทุกท่านเดินจับจ่ายใช้สอย เลือกซื้อสินค้าราคาถูกที่ตลาดซาจ๊ะ |
|
สมควรแก่เวลาจะนำท่านส่งสนามบิน ต้องเช็คอิน โหลดกระเป๋า ก่อนเวลาบิน 2 ชั่วโมง |
18.50 น. |
บินออกจากสนามบิน เสียมเรียบ ( อาหารบนเครื่องมีเสริฟให้ ) |
20.05 น. |
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ |
|
|
|
จบบริการทัวร์กัมพูชา |